RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI |
PCY
( 11 )
‘IT USED TO BE SO HARD TO SEE’
-
CUT SCENE -
คืนก่อนถึงฤดูหนาวของปี ห้องต้องประสงค์ถูกใช้ด้วยวัตถุประสงค์ที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
คิมจงอินถูกจับนอนคว่ำกับเตียง ใบหน้าแนบไปบนเบาะนอนสีขาว ในห้องสีเทาที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใดนอกจากเตียงที่ทั้งคู่กำลังใช้งานอยู่
เสื้อของเขาถูกถกจนกองอยู่ตรงช่วงอก มิหนำซ้ำยังทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากักเก็บอารมณ์เอาไว้ยามถูกริมฝีปากกดจูบลงบนหน้าท้องแบนราบ
จูบเบาๆ หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งลมหายใจเจ้าของผิวสีแทนติดขัด
นี่มันบ้าไปแล้ว! บ้าเกินไปชัดๆ ที่คนอย่างเขายอมปล่อยพาตัวมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้โดยง่าย
จงอินบิดตัวหนีหวังจะหยุดสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจนนี่ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิด
หากโอเซฮุนก็ขยับตัวขึ้นทาบทับ ประสานมือเขาแล้ววาดขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นจึงจูบสะบักหลังผ่านเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“พอก่อน...” เขาพูด หากมือขาวซีดอีกข้างกลับไล้วนอยู่ตรงช่วงเอวและหน้าท้อง
ทำให้รู้สึกแปลกๆ น่ากลัวจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“ไม่เอาน่า เรามาถึงที่นี่แล้วแท้ๆ”
“ก็ใช่”
จงอินรู้ว่าตัวเขาผิดเองที่ยอมโอนอ่อนแต่จนแล้วจนรอด การปล่อยให้เซฮุนทำตามใจชอบเกินกว่าเหตุมันก็...
“ฉันแค่... เอาเป็นว่าปล่อยฉันซะ”
มืออุ่นลากลงต่ำจนรุกล้ำเข้าใต้กางเกง สัมผัสสันสะโพกเปลือยเปล่าจนจงอินสะดุ้งโหยง
รีบขยับมือที่เหลืออยู่ข้างเดียวไปรั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผิวเนื้อใต้ร่มผ้าของเขาถูกสัมผัส ทว่าครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับคนคนนี้ยังคงฝังตัวเป็นความทรงจำอันร้ายกาจ
ถึงแม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมาถึงปีกว่าและความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อโอเซฮุนจะเจือจางลงมากแล้ว
แต่ให้ลืมว่าเรื่องแย่ๆ เหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น เขาทำไม่ได้
ความรู้สึกตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดและโลเล จงอินรู้ตัว
อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าตนเองหวั่นไหวให้เจ้าชายสลิธีรินไปแค่ไหนแล้ว
“แค่ตกลงว่าจะช่วยให้นายปลดปล่อย ไม่ได้หมายความให้แตะต้องตัวฉัน
--”
“...”
ไม่เห็นเลยว่าสายตาของหมอนี่กำลังเป็นแบบไหน
หรืออาจเป็นตัวเขาเอาก็ได้ที่ไม่กล้าหันไปมอง จึงเอาแต่ซุกหน้ากับหมอนเพื่อหนีความจริง
เซฮุนจูบเขาที่ข้างขมับ “ตกลง ฉันจะทำแค่นั้น... ตราบใดที่นายไม่ต้องการ”
เกินความหมายไปไกล
เส้นแบ่งแห่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ตรงไหน จงอินพยายามนึกย้อนกลับไป
รวมถึงอะไรบางอย่างที่หว่านล้อมจนเขายอมตามมาถึงที่นี่ โดนผลักลงกับเตียงนี้
แล้วยังปล่อยให้ถูกทำตามใจชอบอย่างการจูบที่เกิดขึ้นนับสิบครั้งก่อนหน้า
ถ้าเทียบกับระยะเวลาแล้วมันไม่ได้ถี่อะไร แต่สิ่งที่กัดกร่อนหัวใจจนเปลือกแข็งๆ
ยอมกะเทาะออกนี่ซีที่น่ากลัวเสียกว่า
หลังจากนั้นอีกฝ่ายยิ่งทาบตัวลงมาแนบชิด รดลมหายใจอุ่นๆ ลงบนหลังคอขณะจัดการรูดซิปกางเกงของตนเองด้วยมือเดียวแล้วควักเอาเจ้าสิ่งนั้นออกมา
ลมหายใจของซีกเกอร์บ้านสิงโตกระตุกวูบ เผลอกัดริมฝีปากจนเจ็บในขณะที่อีกคนจงใจวางแก่นกลางลำตัวถูกกับร่องสะโพกปอด
จงอินไม่เคยเห็นของของโอเซฮุนมาก่อน
อีกทั้งยังอยากก่นด่าว่าไม่มีวิธีช่วยตัวเองที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง
“เฮ้...! ตั้งใจจะทักท้วง แต่ก็ต้องรีบเม้มปากแน่นเมื่อเซฮุนจงใจขยับมือที่กอบกุมแก่นกายในขณะที่ยังเบียดอยู่กับสะโพกของเขา
แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆ “โอ - เซ - ฮุน”
จงอินสบถลอดไรฟัน ยกใบหน้าขึ้นจากหมอนแล้วเอี้ยวตัวหันไปมองหน้าหวังจะโวยวาย
แต่สภาพของเขาช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย กัปตันกริฟฟินดอร์นอนคว่ำอยู่ใต้ร่างกัปตันสลิธีริน
มิหนำซ้ำยังโก่งตัวขึ้นเล็กน้อย ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นบิดตัวขึ้นสู้แล้วก็ตามที
เซฮุนมองเขานิ่งงัน
แล้วจึงก้มจูบที่กลีบปากอิ่มอย่างดูดดื่มราวกับเพื่อเป็นตัวช่วยให้อดทน
จงอินถูกจับพลิกร่างให้นอนหงาย ทั้งใบหน้าและตลอดทั้งตัวร้อนวาบ
เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันเหือดหายจนกลายเป็นหดตัวลงฝังในอ้อมกอดของคนที่เคยเกลียดไปเสียได้
คุณชายเลือดบริสุทธิ์จากตระกูลโอจับมือของเขาขึ้นโอบไว้กับลำคอ
ส่วนอีกแขนกระชับรอบเอวแน่นจนไม่เหลือระยะห่างของสองร่าง
ถ้าจะมีอะไรแย่ยิ่งกว่า เห็นทีคงเป็นคิมจงอินที่เริ่มตื่นตัวบ้างแล้วก็เป็นได้
มันเริ่มต้นชึ้นได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ และเซฮุนก็ไม่สนใจจะถามให้เขาต้องอายกว่าเก่า
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่จงอินคิดว่าการจูบมันดีเหลือเกิน
เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่ต้องเห็นอะไร ไม่ต้องสบดวงตาสีเข้มยามอีกฝ่ายค่อยๆ ปลดกางเกงเขาออกแล้วรั้งลงจนอยู่ใต้สะโพก
สิ่งนั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว... มือใหญ่จับเข้าที่กลางลำตัวเขา จากนั้นจึงรวบเข้ากับของตนเองซึ่งกำลังร้อนฉ่าแล้วเริ่มรูดรั้งให้รู้สึกไปพร้อมๆ
กัน
“อะ!” จงอินหลุดเสียงด้วยความรู้สึกแปร่งปร่า
ก่อนยกมือขึ้นปิดปากแล้วปล่อยให้ห้องทั้งห้องเงียบเชียบลงในที่สุด
เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจสอดประสาน
พวกเขายังคงจูบกันอีกหลายต่อหลายครั้ง ปล่อยให้อารมณ์พุ่งทะยานจนเลิกสนใจสิ่งอื่นใด
โอเซฮุนเป็นฝ่ายก้าวข้ามเส้นแบ่งที่ไม่มีทางหวนกลับ ความอดทนที่สั่งสมมาตลอดสี่ปีกว่าถูกพังทลายจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากลงต่ำ กัดฟัดลำคอสีแทนคล้ายต้องการขย้ำให้แหลกคาวงแขนของตน
มือล่วงล้ำเข้าใต้สาบเสื้อ บีบยอดอกจนคิมจงอินสะดุ้งเฮือก
ออกแรงผลักตัวคนข้างบนออกโดยอัตโนมัติ
ส่งผลให้ทั้งคู่ผละออกจากกันคู่หนึ่ง สายตาเซฮุนไม่บ่งบอกความรู้สึกใด
แล้วริมฝีปากได้รูปก็จู่โจมจูบแสนกำหนัดอีกครั้ง
“โอเซ --” ลิ้นของเขาถูกดึงออกมานอกปากจนไม่อาจร้องเรียกได้จบ
“นายไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันจะเกิดขึ้น” เซฮุนถาม “อย่างนั้นนายก็ซื่อเกินไปแล้ว ที่รัก”
อีกครั้งที่เซฮุนสอนบทเรียนอันไม่น่าหลาบจำ จงอินยกเข่ากระแทกช่วงท้องคนข้างบน
ก่อนใช้หลังมือปาดน้ำลายซึ่งไหลเลอะปากเพราะการกระทำเมื่อคู่
“เจ้าคนน่ารังเกียจ... ไหนว่าจะไม่ --”
“ฉันบอกว่าตราบเท่าที่นายไม่ต้องการ” เมื่อตั้งหลักได้ เจ้าชายสลิธีรินก็รุกคืบด้วยการกดข้อมือเขาเอาไว้กับผืนเตียง
“แต่มันผิดกับนายในตอนนี้ หรือว่าฉันเข้าใจผิดไป?”
จงอินทบทวนสภาพของตนเองอีกครั้ง นี่มันถึงกับแย่กว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
เขากำลังตื่นตัวด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นสูง ส่วนนั้นชูชันแข่งกับคนตรงหน้าที่มีสภาพไม่ต่าง
ถึงจะยังมีเสื้อผ้าอยู่บนร่างกาย
แต่กางที่แทบจะหลุดไม่หลุดแหล่จากเรียวขานั้นจงอินไม่กล้านับ
เขาเปลือยเปล่าไปแล้วครึ่งตัว และตอนนี้ยังปฏิเสธไม่ออกว่าตนเองก็รู้สึกร่วมอีก
“จงอิน...”
เซฮุนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ แนบหน้าชนหน้าผากขณะเอื้อนเอ่ยคำพูดหน้าไม่อายออกมา
“รักนะ”
เจ้าหนวดปลาหมึก เจ้าคนน่ารังเกียจ
เจ้างี่เง่าที่ดีแต่ใช้ความเจ้าเล่ห์หลอกล่อ!
เขายกแขนขึ้นปิดหน้า ปล่อยให้แก่นกายถูกกลืนเข้าไปในโพรงปากร้อนจนหลุดร้องแบบไร้เสียง
ครั้นนึกได้ก็รีบกัดกลีบปากของตนจนบวมเจ่อ พยายามรักษาความรู้สึกที่พุ่งทะยานเอาไว้ให้ได้ถึงแม้ลมหายใจจะขาดๆ
หายๆ เมื่ออีกฝ่ายขยับใบหน้าขึ้นลง ใช้ฟันครูดจนแทบบ้าตายอยู่รอมร่อ
คิมจงอินจวนเจียนจะถึง แต่เพราะเขาไม่เคยเข้าไปอยู่ในปากใครมาก่อน
จึงทำใจยอมรับไม่ได้หากจะเป็นฝ่ายปลดปล่อยใส่ปากของคนที่ชอบพ่นพูดกันประสาทกันมาตลอดหลายปีอย่างนี้
“อึก...” จงอินบิดตัวหนีอีกแล้ว
แต่ยิ่งทำเช่นนั้น เซฮุนก็ยิ่งจับล็อกสะโพกเอาไว้แน่น บีบบังคับให้เขาจำต้องปล่อยน้ำสีขาวขุ่นจนล้นทะลักในปากอีกฝ่ายอย่างไม่อาจควบคุม
มิหนำซ้ำยังไหลออกมาทางมาปาก เลอะใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงคาดเดาได้ยากว่ากำลังนึกคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
อะไรกัน... ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสบประมาทกันต่อหน้าถ้วยอัคนีเลยแท้ๆ
“คายออกมาเดี๋ยวนี้”
ซีกเกอร์บ้านสิงโตลุกพรวด บิปากคนตรงหน้าให้คายสิ่งที่เขาปลดปล่อยออกมาให้หมด
แต่ผิดคาดว่าเซฮุนกลืนมันลงไปก่อนหน้านี้เสียแล้ว “นาย...!”
จงอินไม่รู้ว่าใบหน้าของเขาจะแดงก่ำได้มากกว่านี้อีกหรือไม่
“เก็บแรงเอาไว้ก่อน ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปเฉยๆ
แน่”
เขาคาดหวังว่ามันจะจบ แต่ก็รู้แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในเมื่อแกนกายของโอเซฮุนยังแดงก่ำและไม่มีทีท่าว่าจะลดขนาดลงแม้แต่น้อย
เชื่อเถอะว่าเซฮุนช่างดูเหมือนคนที่อยากจะทำให้ร่างกายเขาแหลกสลายจนเต็มแก่
แต่ก็ขอบคุณที่หมอนี่ยังพอมีน้ำอดน้ำทนอยู่บ้าง ถึงได้จับให้เขาขยับขึ้นไปคุกเข่าคร่อมสะโพก
จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วซึ่งยังชุ่มไปด้วยน้ำขาวขุ่นแทรกเข้าที่ช่องทางใต้หว่างขา
“ไม่ --”
โอเซฮุนแกล้งไม่ได้ยินซึ่งๆ หน้า อีกทั้งยังพยายามดันนิ้วเข้าจนเกือบสุดโคน
แทบไม่มีสักครั้งที่ซีกเกอร์คนดังจากบ้านกริฟฟินดอร์จะร้องไห้ให้ใครเห็น
แต่ตอนนี้เขาเจ็บจนน้ำตาเล็ด ขลาดอายจนต้องฝังใบหน้ากับลาดไหล่กว้างแล้วจิกแผ่นหลังขาวซีดจนเกิดบาดรอยข่วนเป็นทางยาว
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจบทุกอย่างลงแค่นี้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง
แต่คิมจงอินไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว
ถึงกระนั้นเซฮุนกลับมอบจูบหวานซึ้งเกินกว่าจะจินตนาการได้
แล้วจึงจูบพรมทั้งขมับ ข้างแก้ม คลอเคลียตรงใบหูก่อนจะส่งนิ้วสอดเข้ามาในโพรงปาก
เช่นเดียวกับนิ้วของมืออีกข้างที่สาละวนอยู่ข้างในตัวเขาไม่หยุด
จงอินเผลอกัดนิ้วในปากเมื่ออีกฝ่ายแทรกนิ้วที่สองใส่ตัวเขา
น้ำลายไหลเปรอะด้วยไม่สามารถหุบปากได้
อีกทั้งยังรู้สึกอายมากเสียจนอยากหนีเข้าป่าต้องห้ามไปให้รู้แล้วรู้รอด
เสื้อสเวตเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ไม่ได้ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
เขาทั้งรู้สึกโล่งโจ้งและแน่นขนัดในเวลาเดียวกันจนไม่อยากให้อภัยตนเองที่หลวมตัว
“หยุดนะ...”
เอ่ยเสียงสั่นเมื่อเบี่ยงหน้าจนหลุดจากนิ้วที่สอดอยู่ในปากได้
ทว่าฟังแล้วเซฮุนกลับแค่นยิ้ม ส่งเสียงลอดริมฝีปากบางเฉียบให้ได้ยินแค่ “ใจร้ายจัง”
เจ้าชายสลิธีรินไม่เปิดโอกาสหยุดตามที่เขาสั่ง เพราะหลังจากนั้นคิมจงอินถูกจับให้คว่ำตัวลงกับเตียง
โก่งสะโพกขึ้นสูงเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
ต่างกันตรงที่มีบางอย่างพยายามรุกล้ำเข้ามาทางด้านหลังจนเขาต้องกัดฟันสู้ความเจ็บปวดเหลือคณา
“ฉันเกลียดนาย!” เขาก่นด่า “นายมันเลวร้าย”
ได้ยินเสียงสูดลมหายใจลมฟอดใหญ่ ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างน่าโมโห
“เกลียดมากหรือเปล่า?”
ร่างสีแทนไถลกับผืนเตียงตามแรงขยับ จุกจนแทบหายใจไม่ออก หลายครั้งเข้าการเคลื่อนไหวนั้นก็เริ่มเร็วและเข้ามาลึกขึ้น
แต่แทนที่จะทรมานกว่าเก่า
จงอินกลับต้องแปลกใจที่ความเจ็บปวดเหล่านั้นเริ่มมีบางอย่างแทรกมาแทนที่
“...ที่สุด” เขาตอบ “ฉันเกลียดนายที่สุด”
เท่านั้นคนเหนือกว่าก็โน้มตัวลงมาแนบชิด ใช้วงแขนกอดรั้งร่างกัปตันแห่งบ้านสิงโตเอาไว้แล้วจูบเบาๆ
ที่หลังคอหนึ่งที
“ถ้าอย่างนั้นก็เกลียดให้มากขึ้นอีก”
อย่างไรก็ไม่อยากยอมรับ
“เกลียดจนในใจของนายมีเพียงแค่ฉันเท่านั้น”
เส้นแบ่งแห่งความสัมพันธ์อย่างนั้นหรือ... ของแบบนั้น...
“ทำได้หรือเปล่า คิมจงอิน?”
-----------------------------------------------------------