แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าเขามีปัญหาใหญ่กับการ์ดที่เคยตั้งเอาไว้แล้วหรือเปล่า
แต่เมื่อริมฝีปากสั่นเทานั่นประทับลงมาก็ราวกับว่าทุกอย่างจะโบยบินออกไปจากหัวสมอง
เรียวลิ้นของชานยอลร้อนฉ่าแถมยังขมปร่า มันเจือด้วยรสเค็มปะแล่มจากหยาดน้ำตาที่หยดลงมาอาบแก้ม
ไม่ใช่แค่ปาร์คชานยอลวงอาร์คที่ร่ำไห้กับจูบแรกในรอบสองปีของเรา แต่เป็นเขาด้วย
เป็นบยอนแบคฮยอนแห่งดาร์คฮอร์สด้วยที่ต้องกลืนก้อนสะอึกลงคอทั้งที่เราทั้งคู่ยังคงแลกลิ้นกันอย่างโหยหา
“กลับมาเถอะนะ”
เสียงเข้มกระซิบที่ข้างใบหู
ยอมรับว่ารู้สึกยินดีในน้ำตาของอีกฝ่ายเพราะมันเป็นการบอกทางอ้อมว่าแบคฮยอนยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่
ทั้งดวงตาเรียวรีที่หม่นแสง หน้าอกที่สะอึกเบาๆด้วยต้องกลั้นความรู้สึกทั้งหมดมันทำให้ใจที่เกือบจะด้านชาดวงนี้เหมือนกับได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง
ที่ผ่านมาเขาเป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่าง
ไร้หัวใจ ไร้อารมณ์ ไร้แรงบันดาลใจ เหมือนใช้ชีวิตไปวันๆเพื่อทำตามความฝันโดยไม่มีคนเคียงข้าง
แต่วันนี้ ตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าแบคฮยอนยังตัดกันไม่ขาด เช่นเดียวกันกับเขาที่ไม่เคยตัดอีกฝ่ายไปจากใจได้เลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“....”
แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้
ในสถานการณ์ที่ชานยอลยังคงวอนขอด้วยสายตาอย่างนั้น ยามเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาใกล้
กระซิบชื่อข้างหลังหูซ้ำๆเหมือนอย่างครั้งเก่าก่อน ใจทั้งดวงมันอ่อนยวบ
ขาเหมือนกับจะหมดแรงทรงตัวไม่ไหวจนเจ้าของมือใหญ่ต้องพยุงเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปด้วยกัน
แบคฮยอนคิดว่าเขากำลังเมา
ชานยอลมอมเมาเขาด้วยจูบแบบที่เคยชอบทำ ริมฝีปากหนาเล็มเบาบริเวณกลีบปากล่าง
ส่งลิ้นเข้ามากวาดเอาทุกอย่างออกไปจากตัวแล้วแทนที่ด้วยความอบอุ่นหอมหวานจนเจียนจะสำลัก
มือนั่นลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์ ทั้งใต้เสื้อ บั้นเอว เลื่อนไปเค้นคลึงตรงจุดอ่อนไหวที่มีแค่เราเท่านั้นที่รู้
ทำราวกับว่าจะย้อนเวลากลับไปแล้วดึงเอาความรู้สึกเก่าๆกลับมาตีหัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พอ...”
แบคฮยอนพยายามผละออกจากวงแขนแกร่ง
แต่ก็เท่านั้น ยิ่งดิ้นมากเท่าไร ชานยอลก็ยิ่งกอดรัดกายเขาให้แน่นมากยิ่งขึ้น กลิ่นโคโลญจน์เดิม
อะไรเดิม ๆ ทำให้แบคฮยอนหายใจแทบไม่ออก ตอนนี้เขาเหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ ถูกชานยอลกดดิ่งลงไปในมหาสมุทรสีดำที่ทั้งมืดและเย็นเยียบจนร้าวไปถึงขั้วกระดูก
“พอเถอะ --”
ในหูได้ยินแต่เสียงสั่นเทาของตัวเอง
แบคฮยอนไม่รู้ว่ากำลังทำสีหน้าอย่างไรอยู่ แต่ดูจากสายตาของอีกฝ่ายในเวลานี้ เขาคงจะน่าสมเพชมากทีเดียว
ปาร์คชานยอลคงรู้แล้วว่าบยอนแบคฮยอนยังตัดมือกีต้าร์วงเกลย์ออกจากความรู้สึกไม่ได้อย่างที่พึงแสดงออกมาตลอด
“แบคฮยอน”
เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้น
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งชานยอลโน้มหน้าลงมาอีกครั้ง มือที่โอบรอบใบหน้าอุ่นขึ้นยามที่ริมฝีปากบดลงมาเบียดทับ
คราวนี้น้ำหนักของมันมากขึ้นเหมือนบอกให้กลืนคำว่าพอลงไป สองมือเลื่อนขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายแล้วปล่อยให้ตัวเองถูกยกขึ้นเหนือพื้นโดยที่ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวผอมเอาไว้
กำแพงสูงที่เคยสร้างไว้พังทลายลงต่อหน้าต่อตา
รู้เพียงแค่แผ่นหลังสัมผัสลงกับผืนเตียงนุ่มพร้อมกับร่างของใครอีกคนที่ทาบทับลงมาอย่างร้อนรน
บรรยากาศที่โรยตัวลงโดยรอบระอุขึ้นเพียงแค่ฝ่ามือคุ้นเคยแทรกเข้ามา ไม่ถึงวินาที เสื้อยืดสีเทาบนร่างก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วแทนด้วยริมฝีปากชื้นที่ประทับลงมา
ชานยอลกดจูบย้ำที่ต้นคอของเขาแล้วลากริมฝีปากต่ำลงไปช้าๆราวกับกระตุ้นให้จดจำสัมผัสจากเจ้าของที่แท้จริงให้ได้
ลิ้นร้อนนั่นบรรจงเล้าโลมที่รอบปากทางเข้าก่อนจะแทรกนิ้วเข้ามากระตุ้นอะไรต่อมิอะไรให้ตื่นตัว
แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความบีบรัดในตัวที่เรียกร้องหาใครอีกคน ขยี้ให้เขาต้องผ่อนลมหายใจแผ่วเบาเป็นชื่อซึ่งไม่อยากเอ่ย
แน่นอนว่าชานยอลคงได้ยินมันชัดเจน ไม่อย่างนั้นคงไม่แทรกตัวเข้ามาเร็วจนคนข้างใต้กลั้นหายใจแทบไม่ทันอย่างนี้
เม้มริมฝีปากแน่นยามที่อีกฝ่ายโถมตัวเข้ามารวดเดียวจนหมด
ทั้งแน่นและจุกจนต้องเอื้อมมือไปหาที่ยึดเช่นใบหมอนรองศีรษะ
แต่พอยิ่งเลื่อนมือเข้าไปใต้หมอนมากเท่าไร สัมผัสเย็นเยียบที่คุ้นเคยก็ยิ่งทำให้ใจเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น
แบคฮยอนโก่งตัวยกบั้นท้ายขึ้น
กรีดร้องออกมาเบา ๆ ยามที่อีกฝ่ายถดตัวออกแล้วกระแทกกระทั้นลงมาอย่างแรงเป็นจังหวะย้ำๆ
เขากำสร้อยใต้นั้นแน่นขึ้นแทนหลักยึดเมื่อร่างสูงจับเอวไว้แล้วขยับถี่เข้าหา
ดูเหมือนดวงตาคมกริบของคนด้านบนจะเพิ่งสังเกตได้ มือใหญ่จึงละออกจากเอวแล้วเลื่อนเข้ามาประสานกับมือของเขาโดยที่มีจี้ลูกกุญแจคั่นระหว่างกลาง
สลักสัญญาบนนิ้วนางไม่อาจแนบสนิท
หัวใจยิ่งบีบรัดจนปวดหนึบเมื่อจำได้ดีว่าตนเคยเป็นเจ้าของมันมาก่อน
แม่กุญแจที่ห้อยลงจากคอของใครอีกคนกระทบสัมผัสเย็นเสียดที่ปลายคาง
บยอนแบคฮยอนไม่รู้ว่าเขาควรต้องรู้สึกอย่างไร
ทั้งหัวมันว่างเปล่า
และมีเพียงมือกีต้าร์ของวงอาร์คเท่านั้นที่ปรากฏในกรอบสายตา
--------------------------------------------------------------------
อ่านต่อที่